วันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม 2557
'ผู้นำยูเครน'สั่งทหารเตรียมพร้อมรบ!
รักษาการประธานาธิบดียูเครน แถลงข่าวให้หน่วยทหารเตรียมพร้อมเต็มกำลัง หลังรัสเซียส่งทหารกว่า 15,000 นาย บุกไครเมีย
2 มี.ค. 57 นายโอเล็กซานเดอร์ ตูชินอฟ รักษาการประธานาธิบดียูเครน ออกแถลงข่าวผ่านทางสถานีโทรทัศน์แห่งชาติวานนี้ ให้เจ้าหน้าที่ทหารเตรียมพร้อมรบเต็มกำลัง และสั่งให้เพิ่มการรักษาความปลอดภัยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ สนามบิน และจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญอื่นๆ ทั่วประเทศ
ขณะที่นายอาร์เซนีย์ ยัตเซ็นยุค ที่ยืนอยู่เคียงข้างรักษาการประธานาธิบดี กล่าวว่า การแทรกแซงโดยกองกำลังทหารของรัสเซียในขณะนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามครั้งใหม่ และเป็นจุดจบของความสัมพันธ์ระหว่างยูเครนและรัสเซีย
ส่วนรัฐมนตรีกลาโหมยูเครน อิกอร์ เตนยุค หวังว่าสถานการณ์จะกลับสู่ความสงบอีกครั้ง หลังการเจรจาระหว่าง 2 ฝ่ายที่คาดว่าจะเปิดฉากขึ้นวันนี้
การแถลงของผู้นำยูเครน มีขึ้นหลังจากที่กองกำลังทหารจากรัสเซียกว่า 15,000 นาย เข้ามาควบคุมพื้นที่เขตปกครองตนเองไครเมียเมื่อวานนี้ หลังรัฐสภารัสเซีย อนุมัติให้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน สามารถส่งกำลังทหารเข้าไปในไครเมียได้ เพื่อจุดประสงค์ในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ
นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์กันว่า รัสเซียอาจสั่งให้กองกำลังทหารเข้าไปยึดพื้นที่อื่นๆ นอกเหนือจากไครเมียด้วย โดยเฉพาะจังหวัดทางภาคตะวันออกและใต้ที่ประชากรพูดภาษารัสเซียเป็นหลักและต่อต้านรัฐบาลชุดปัจจุบัน เนื่องจากประธานาธิบดีปูติน ได้เรียกการส่งกองกำลังครั้งนี้ว่าเข้าไปในอาณาเขตของยูเครน ไม่ได้เฉพาะเจาะจงไปที่ไครเมียโดยเฉพาะ
ทางด้านนายยูริย์ เซอร์เกเยฟ เอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหประชาชาติได้กล่าวโจมตีว่า รัสเซียกำลังท้าทายต่อหลักการของบันทึกข้อตกลงบูดาเปสต์ ที่ได้ทำขึ้นเมื่อปี 2537 ระหว่างยูเครน รัสเซีย สหรัฐฯ และอังกฤษ อย่างร้ายแรง เนื่องจากในข้อตกลงที่มีจุดประสงค์เพื่อยกเลิกการสะสมอาวุธนิวเคลียร์นี้ บอกว่า รัสเซียต้องเคารพอธิปไตยของยูเครน และหลีกเลี่ยงการใช้กำลังกับเพื่อนบ้าน
นอกจากนี้เอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหประชาชาติยังกล่าวอีกว่า แม้รัสเซียยืนยันว่าจะไม่เข้าไปแทรกแซงกิจการภายในประเทศ และอ้างสิทธิ์การครอบครองดินแดน แต่การกระทำกลับตรงกันข้าม เหมือนอย่างที่นายวิฑาลี เชอร์คิน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติกล่าวในฐานะตัวแทนของรัฐบาลรัสเซียเมื่อวันก่อนว่า บันทึกข้อตกลงบูดาเปสต์ ไม่สามารถใช้ในกรณีนี้ได้
ขณะนี้เขตปกครองตนเองไครเมีย ซึ่งมีอาณาเขตติดกับฐานทัพของรัสเซียกำลังถูกจับตามองว่าอาจเป็นชนวนของความตึงเครียดรอบใหม่ ทั้งในประเทศระหว่างประชาชนผู้สนับสนุนและต่อต้านรัฐบาล และระหว่างประเทศยูเครนกับรัสเซียในอนาคตอันใกล้
-----------------------
(หมายเหตุ : ที่มาภาพ : AFP) ที่มา คมชัดลึกออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น